แน่นอน ถ้าคุณ…ไม่ใช่ ไม่รู้จัก และไม่เคยได้ยินคำว่า “โมโซ” มาก่อน ย่อมงงกับคำถามนี้เป็นธรรมดา… โมโซ ไม่ใช่ชื่อคน ไม่ใช่ชนเผ่า ไม่ใช่ “ไฮโซ” และเช่นเดียวกัน…ไม่ใช่ “โลว์โซ” — แต่ทั้ง ไฮโซ และ โลว์โซ รวมถึงชนเผ่าไหนๆ หรือใครก็ตาม ก็สามารถเป็น โมโซ ได้นะ

 

 

 

เอ้า ยิ่งงง ง๊ง งง เข้าไปใหญ่ (อิอิ)

 

 

โมโซ…คืออะไร?? ชักสงสัยกันแล้วใช่ไหม ว่าแล้วก็มาทำความรู้จักกับโมโซกันดีกว่า (นะ)

 

 

คำแรก “โม” (MO) มาจาก “Moderation” หมายถึง ความพอประมาณ ไม่มากไป…ไม่น้อยไ    ป พอดีๆ ส่วน “โซ” (SO) มาจากคำว่า “Society” ที่หมายถึง สังคม ดังนั้นเมื่อรวมคำว่า “MO” และ “SO” เข้าด้วยกันแล้ว จึงหมายถึง “สังคมพอประมาณ” (Moderation Society)

 

 

โดยเฉพาะท่ามกลางกระแสสังคมบริโภคนิยมที่มีสิ่งยั่วยุทางวัตถุมากมายอย่างในปัจจุบัน กลายเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดความอยากมี อยากได้ อยากแข่งขันกันมากขึ้น ดังนั้นสังคมโมโซจึงเป็นสังคมอันพึงปรารถนา ที่ชาวโมโซจะร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสังคมที่ประกอบไปด้วยความจริง ความดีงาม และความสุข ให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างพอดีๆ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการเดินทางสายกลาง

 

 

 

 

ในที่นี้ ชาวโมโซ จึงหมายถึง กลุ่มคนรุ่นใหม่ของสังคมที่ใช้ชีวิตในรูปแบบพอดีๆ ยึดหลักความพอประมาณ การเป็นคนมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันทางความคิด ในการดำเนินชีวิตตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

แล้วคุณละ…เป็นชาวโมโซรึเปล่า?!!

 

กำเนิด “โมโซ”

 

 

จุดกำเนิดของสังคมพอประมาณ หรือ โมโซไซตี้ เริ่มต้นเมื่อปี 2548 จากงานวิจัยของสถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้การนำของ ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ โดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เป็นผู้สนับสนุน เพื่อสร้างขบวนเคลื่อนไหวในสังคมให้เกิดความตระหนักในการใช้ชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

 

 

“จากการสำรวจภายใต้โจทย์ว่า หากจะสร้างสังคมที่มีแนวปฏิบัติสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะมีรูปแบบในการขับเคลื่อนอย่างไรที่คนรุ่นใหม่ต้องการจะเห็น? ซึ่งผลเผยให้เห็นโครงแบบที่เปิดกว้าง มีอิสระในการเลือกที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวก ศูนย์ประสานงานโมโซไซตี้จึงเกิดขึ้นและถูกออกแบบให้เป็นเครือข่ายเปิดที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ โดยเปิดให้เข้าลงทะเบียนที่ www.mosociety.com” จินตนา จันสน หัวหน้ากลุ่มศูนย์ประสานงานโมโซไซตี้ กล่าว

 

 

ปัจจุบันมีผู้สนใจทั้งในระดับองค์กรและในระดับบุคคลนำแนวคิดโมโซไซตี้ไปใช้ในการรณรงค์หรือขับเคลื่อนโครงการหรือกิจกรรมที่มีความสอดคล้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกว่า 30 องค์กร และชาวโมโซที่แสดงตนด้วยการลงทะเบียนในเครือข่ายมีจำนวนราว 5,000 คนแล้ว

เราทุกคนเป็นโมโซได้

 

 

ชาวโมโซเขาไม่ได้แยกตัวไปสร้างสังคมใหม่นะ อย่าเข้าใจผิดเขาก็อยู่ในสังคมของเรานี่แหละ เพียงแต่เขาเห็นว่าสังคมปัจจุบันจะเข้าสู่สภาพที่ไม่น่าพึงปรารถนา พวกเขาเลยมีภารกิจร่วมกันที่จะช่วยกันเปลี่ยนทิศทางให้เป็นสังคมที่มีแต่ความจริง ความดีงาม และความสุข

 

 

“วิถีปฏิบัติของชาวโมโซอยู่ในทางสายกลาง ไม่สุดโต่งไปทางใดด้านหนึ่งตามกลุ่มที่เรียกว่า ไฮโซ หรือ โลว์โซ คงรูปแบบที่ยืดหยุ่น มีความเป็นอิสระ ดังนั้นผู้ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายชาวโมโซก็เรียกตัวเองว่าเป็นชาวโมโซและร่วมกิจกรรมในสังคมชาวโมโซได้ แม้กระทั่งคนไฮโซก็เป็นชาวโมโซได้ หากมีพฤติกรรมพอเพียง “เน้นสติเหนือสตางค์” ในทางกลับกัน ผู้ที่ไม่อยากเป็นชาวโมโซในบางโอกาสก็ทำได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องบอกเลิกการเป็นสมาชิก…เพราะบางกิจกรรมอาจไม่เหมาะกับบุคลิกของตนเอง” หัวหน้ากลุ่มศูนย์ประสานงานโมโซไซตี้อธิบาย

 

 

อย่างที่บอกว่ากลุ่มโมโซจะมีอิสระในการดำเนินกิจกรรม ชาวโมโซในแต่ละพื้นที่จึงสามารถร่วมกันคิดออกแบบกิจกรรมเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นของตน ซึ่งที่ผ่านมามีกิจกรรมหลากหลายภายใต้เครือข่าย www.mosociety.com ซึ่งชาวโมโซในแต่ละพื้นที่จัดขึ้น ได้แก่ กิจกรรมต้นแบบโรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.เพชรบุรี กิจกรรมให้ความรู้เศรษฐกิจพอเพียงแก่ครู ศรช. ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จ.นครปฐม นิทรรศการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงในงาน “1,392 ปี๋สลีเวียงสังฆะเติ๋น” จ.ลำปาง เป็นต้น

 

 

 

ชาวโมโซ (อีกกลุ่ม) ภายใต้แนวคิดเดียวกัน

 

 

นอกจากชาวโมโซ (รุ่นพี่) ภายใต้เครือข่าย www.mosociety.com แล้ว ยังมีสมาชิกชาวโมโซน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา โดยมี www.mosothai.com เป็นช่องทางสื่อสาร ภายใต้โครงการคิดอย่างยั่งยืน ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)

 

 

พล.ต.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก และรองผู้อำนวยการส่วนมวลชนและกิจการพิเศษ กอ.รมน. กล่าวว่า แนวคิดเรื่องชาวโมโซเกิดขึ้นจากทางโครงการพยายามขยายผลแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงออกไปยังกลุ่มเยาวชนและคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ในสังคมเมืองที่ค่อนข้างใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ แต่ครั้นจะย้ำคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงเช่นเดิมก็ไม่ดึงดูดใจ จึงจัดทำ www.mosothai.com ขึ้น เพื่อเป็นสื่อและช่องทางใหม่ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

 

 

“เว็บไซต์โมโซไทยถือเป็นกลอุบายอย่างหนึ่งให้เยาวชนสนใจแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตแบบพอประมาณ เพราะการที่เราจะไปสอนเขาว่าต้องใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพยงแบบเดิมนะ เขาก็รู้แล้ว…แต่ไม่โดนใจ ไม่เกิดกระแส และไม่ทำ คำว่า โมโซ เป็นคำที่สะดุดหู และใช้คลื่นวิทยุเป็นตัวโปรโมตให้ดีเจได้สื่อสารกับวัยรุ่น ให้เขาเข้ามาดูในเว็บไซต์ แล้วเราก็สอดแทรกแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจเพียงของพระเจ้าอยู่หัวเข้าไป”

 

 

รองผู้อำนวยการส่วนมวลชนและกิจการพิเศษ กอ.รมน. เล่าต่อว่า แนวคิดนี้เป็นการต่อยอดจากเครือข่ายโมโซไซตี้ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เพิ่งจะเปิดตัวได้เพียง 3 สัปดาห์ ยังไม่สามารถระบุจำนวนสมาชิกได้ (สำหรับ www.mosothai.com) แต่ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบ้างแล้ว อาทิ เชิญชวนให้เยาวชนออกแบบเสื้อยืดพอเพียงในงานที-เชิ้ต เฟสติวัล เป็นต้น

 

 

“ตอนนี้วัยรุ่นจะได้คำทักใหม่เป็น เฮ้ย โมโซ…รึเปล่า? ถ้าใครยังไม่เป็น เพื่อนก็จะเตือนเพื่อนกันเองว่าเป็นวัยรุ่นควรใช้ชีวิตอย่างพอดี มีเหตุมีผล มีความพอประมาณ หากเขาเริ่มตั้งแต่วัยนี้ พอโตเป็นผู้ใหญ่เขาก็ใช้ชีวิตได้อย่างพอดี”

 

 


ด้าน เอก วงศ์อนันต์ ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ซึ่งนำเยาวชนจำนวน 280 คน เข้าร่วมการเปิดตัวโครงการนี้เมื่อปลายเดือนพ.ค.ด้วย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อเอ่ยถึงเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เป็นหลัก เมื่อมีโครงการนี้เกิดขึ้นและดำเนินการประสานงานภายใต้ www.mosothai.com จึงถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะมีช่องทางให้เด็กและเยาวชนทั่วประเทศได้รับรู้และแลกเปลี่ยนข่าวสารในการใช้ชีวิตอย่างประมาณตน ยกตัวอย่างเช่น เด็กในภูมิภาคหนึ่งจะได้เห็นตัวอย่างการใช้ชีวิตอย่างไม่ฟุ้งเฟ้อของเด็กๆ อีกภูมิภาคหนึ่ง หรือได้เห็นกิจกรรมที่จัดทำขึ้นภายใต้แนวคิดร่วมกันของโครงการแล้วประสบความสำเร็จ จากนั้นก็นำตัวอย่างดีๆ ที่ได้ไปปรับใช้กับตัวเอง

 

 

“การเป็นคนพอประมาณมีหลักง่ายๆ คือ มีสติ มีเหตุผล สร้างภูมิคุ้มกัน ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจก็ได้ ขอแค่มีสติ มีวิจารณญาณมาประกอบความอยากมีอยากได้ รวมถึงสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองซึ่งไม่ใช่แค่ออกกำลังหรือทานอาหารเสริม แต่พยายามหาความรู้ให้ตัวเองได้เปิดกว้าง และเน้นเรื่องคุณธรรม แม้จะยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกในเว็บไซต์ แต่ถ้ามีรูปแบบการใช้ชีวิตแบบนี้ก็เป็นชาวโมโซไปโดยปริยาย”

 

 

เป็น “โมโซ” ไม่ยากเลยนะ…

 

 

เริ่มแรกเราต้องรู้จัก “พอประมาณ” ในการใช้ชีวิตเสียก่อน ง่ายๆ เลย คือทำทุกอย่างให้อยู่ในความพอดี รู้จักขีดความสามารถของตัวเอง ไม่ทำอะไรเกินตัว รู้จักที่จะใช้ “เหตุผล” มากขึ้น เรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่มากไป น้อยไป มีการไตร่ตรองเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียได้อย่างชัดเจน และเมื่อเรามีทั้งความ “พอประมาณ” บวกกับการใช้ “เหตุผล” ที่มากพอแล้ว ทั้งสองสิ่งจะสร้างให้เรามี “ภูมิคุ้มกัน” ต่ออุปสรรคและสารพัดปัญหาที่จะเข้าถึงตัวเราได้ ที่สำคัญเราจะต้องมีความรู้และคุณธรรมควบคู่กันไปด้วย

 

 

ถ้ายังอยู่ในวัยเรียน การทำตัวเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ตั้งใจเรียนหนังสือ ช่วยเหลืองานบ้านพ่อแม่ และรู้จักประหยัดก็ถือว่าได้ปฏิบัติตัวเป็นส่วนหนึ่งของชาวโมโซแล้ว ส่วนผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน การเป็นส่วนหนึ่งของโมโซคือ การมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน รู้จักการใช้จ่ายเงินอย่างเหมาะสม ไม่โลภ และไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น รวมไปถึงการทำตัวเป็นพลเมืองดีของสังคม ช่วยเหลือและแบ่งปันกับผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเรา

 

 

น้ำตาล-ปานวาด นิรันดร์กุล ได้ชื่อว่าเป็นสาวไฮโซเลือดใหม่ที่ขอปวารณาตัวเป็นชาวโมโซอีกคนหนึ่ง “โดยส่วนตัวน้ำตาลก็ใช้ชีวิตแบบชาวโมโซอยู่แล้วค่ะ พอรู้ว่ามีโครงการดีๆ แบบนี้จึงลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วย แต่แค่ลงทะเบียนอย่างเดียวไม่ได้นะ…ต้องประพฤติตัวเป็นคนพอประมาณด้วย สิ่งที่น้ำตาลทำอยู่ตลอดคือจะใช้จ่ายของอย่างรู้คุณค่า ไม่ฟุ่มเฟือย อย่างเสื้อผ้าก็จะเอาตัวโน้นมาผสมกับตัวนี้ ไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่บ่อยๆ และไม่จำเป็นต้องเป็นของแบรนด์เนมเท่านั้น บางครั้งก็ผลิตของทำมือใช้เองแล้วก็มีเอาไปขายหารายได้เสริม ทำให้เรารู้จักพึ่งตัวเอง แบ่งเบาภาระพ่อแม่ และเป็นชาวโมโซอย่างภาคภูมิใจค่ะ”

 

 

ด้าน ประสิทธิ์ ดำรงค์สุวัฒน์ นักศึกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพิ่งได้ยินว่ามีชาวโมโซเมื่อไม่กี่วันก่อนจากทางวิทยุ คิดว่าเป็นเรื่องดีที่มีสังคมนี้เกิดขึ้น ซึ่งเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบพอประมาณอยู่แล้ว จึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ www.mosothai.com

 

 

“ต้องเริ่มที่ตัวเรามีสติ รู้จักตัวเอง เริ่มจากเรื่องง่ายๆ เช่น ทานข้าวแค่ไหนให้พออิ่ม แล้วก็จะรู้จักพอในเรื่องอื่นๆ ทั้งการซื้อของ การทำงาน คือรู้ว่าอันไหนสมเหตุสมผลที่ควรจะมีจริงๆ หรือควรมี ควรได้ เพราะอยากมี อยากได้”


รับรองว่าหากเราสามารถนำหลักทั้ง 3 ข้อ ไปลงมือปรับใช้แก้ปัญหาวิกฤตของตัวเอง หรือหากนำไปบอกต่อกับคนรอบข้างให้ลองทำได้แล้ว ไม่ว่าอุปสรรคหรือปัญหาจะผ่านเข้ามาในรูปแบบใด ขอเพียงเรามีหัวใจที่พอเพียง รู้จักประมาณตน ลงมือแก้ไขด้วยเหตุและผล มีความระมัดระวังเป็นภูมิคุ้มกัน สังคมของเราก็จะมีทางความคิดที่ยั่งยืน สามารถผ่านพ้นและฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ได้อย่างดีที่สุด

 

 

 

ชักอยากเป็นชาวโมโซกันบ้างแล้วใช่ไหม www.mosothai.com และ www.mosociety.com คลิกโลด

 

 

original link : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552